
เคล็ดลับพิชิตสนามสอบเตรียมอุดม, MWIT และ KVIS น้องทิกเกอร์
จุดเริ่มต้นและแรงบันดาลใจ รู้ตัวตอนไหนว่าอยากเข้าโรงเรียนดัง?
เริ่มแรกไม่รู้จักโรงเรียนเตรียมอุดมฯเลย แต่แม่ชวนไป Openhouse หลังจากนั้นมีความรู้สึกว่า “มันมีอะไรมากกว่าที่เราเห็น” นี่คือจุดเริ่มต้นของความอยากที่จะลองสอบและพิชิตเป้าหมาย
สำหรับการสอบ MWIT และ KVIS เดิมคืออยากเข้าเตรียมอุดม แต่ก็ไม่ปิดโอกาสให้ตัวเอง จึงไปสอบ MWIT KVIS ด้วย เพื่อให้ได้สัมผัสบรรยากาศการสอบเข้า ม.4 ที่มีสนามสอบขนาดใหญ่คล้ายกัน แม้ในช่วงแรกอาจจะยังไม่มี Passion กับโรงเรียนวิทยาศาสตร์มากนัก แต่ในวันที่สอบติดทั้ง 3 สนาม ทิกเกอร์ก็ได้ตัดสินใจเลือกที่ KVIS ในที่สุด จริง ๆ แพลนแรกในชีวิตเราอาจจะไม่ใช่สิ่งสุดท้ายที่เราตัดสินใจคล้าย ๆ กับน้องทิกเกอร์ เพราะงั้นเราควรเปิดโอกาสให้ตัวเองอยู่เสมอ
การเตรียมตัวสู่เป้าหมาย
การเตรียมตัวสอบเข้า ม.4 เริ่มตั้งแต่ช่วงปิดเทอมใหญ่ขึ้น ม.3 หรือประมาณ 1 ปีเต็มก่อนวันสอบเข้าเตรียมอุดมศึกษา โดยเริ่มต้นจากการ เก็บเนื้อหา ให้ครบถ้วน การลงคอร์สติวเข้มที่เน้นการทบทวนเนื้อหาอย่างรวดเร็วเป็นทางเลือกที่ดี หากเวลาจำกัดก็ควรเลือกคอร์สที่ครอบคลุมและกระชับ
วิชาหลักอย่าง คณิตศาสตร์ และ วิทยาศาสตร์ (ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ) ควรให้ความสำคัญอย่างมาก การเก็บเนื้อหาควรจบในช่วงก่อนปิดเทอมตุลาคม สำหรับวิชาอื่น ๆ เช่น ภาษาอังกฤษ หากมีพื้นฐานดีอยู่แล้วก็สามารถเน้นการตะลุยโจทย์ได้เลย ส่วน ภาษาไทย และ สังคมศึกษา อาจต้องอาศัยการเตรียมตัวที่แตกต่างกัน
เคล็ดลับการเรียนรู้รายวิชา
คณิตศาสตร์: เปิดใจ ฝึกฝน และเข้าใจสูตร
ปัญหาที่พบบ่อยในการเรียนคณิตศาสตร์มี 3 ประเภทหลัก:
- ไม่ชอบ: วิธีแก้คือต้อง เปิดใจ และลองทำความเข้าใจ
- เรียนเนื้อหาแต่ไม่ทำโจทย์: คณิตศาสตร์เป็นวิชาแห่งการ ฝึกฝน การดูเนื้อหาอย่างเดียวไม่เพียงพอ
- จำสูตรแต่ไม่เข้าใจวิธีการใช้: นี่คือปัญหาที่สำคัญที่สุด หลายคนท่องจำสูตรได้หมด แต่เมื่อเจอโจทย์จริงกลับนำไปใช้ไม่ได้
เคล็ดลับ: อย่าเน้นปริมาณการจำสูตรมากเกินไป แต่ให้เน้น คุณภาพ ในการจำ เมื่อจำสูตรได้แล้ว ให้ลองนำไปใช้แก้โจทย์ประมาณ 10 กว่าข้อก่อนที่จะไปจำสูตรต่อไป
วิทยาศาสตร์: เข้าใจหลักการและจดบันทึก
- ฟิสิกส์: ใช้วิธีการเดียวกับคณิตศาสตร์ คือเน้นการทำความเข้าใจหลักการและฝึกใช้สูตรให้เป็น
- เคมีและชีวะ: ปัญหาหลักคือการจดจำเนื้อหาให้ได้ เคล็ดลับ คือการ เขียนสรุป สิ่งที่เรียนรู้ทั้งหมดโดยไม่เปิดโพยบ่อย ๆ การเขียนจะช่วยให้จดจำได้ดีขึ้น
ภาษาไทย: ตัดอคติและมองเป็นระบบ
เด็กสายวิทย์มักจะมีอคติกับวิชาสายศิลป์อย่างภาษาไทย เคล็ดลับ คือการ ตัดความอคติ ออกไป และพยายามมองภาษาไทยให้มีความเป็นวิทยาศาสตร์ เช่น การมองคำบาลี สันสกฤต คำเป็น คำตาย ให้เป็น “สูตร” การปรับมุมมองเช่นนี้จะช่วยให้เข้าใจและจดจำได้ง่ายขึ้น
สังคมศึกษา: เลือกเก็บส่วนที่เข้าใจง่าย
สังคมศึกษาเป็นวิชาที่มีเนื้อหาหลากหลาย ทั้งประวัติศาสตร์ ศาสนา การเมือง เศรษฐกิจ การจะเก็บทุกอย่างในเวลาจำกัดเป็นเรื่องยาก เคล็ดลับ คือการ เลือกเก็บเฉพาะส่วนที่สามารถใช้ความเข้าใจได้ เช่น เศรษฐศาสตร์ หรือการติดตามข่าวสารบ้านเมือง ซึ่งมักจะถูกนำมาออกข้อสอบ
บรรยากาศสนามสอบและการรับมือข้อสอบ
สนามสอบ MWIT, KVIS และเตรียมอุดมศึกษา มีความแตกต่างกันในลักษณะข้อสอบและบรรยากาศ
MWIT: ข้อสอบคณิตศาสตร์ที่มี “ข้อหลอก”
ข้อสอบคณิตศาสตร์ของ MWIT มักจะมี “ข้อหลอก” ในช่วงแรกที่ดูเหมือนง่าย ทำให้รู้สึกใจฟู แต่เมื่อทำไปเรื่อย ๆ ความยากจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ความมั่นใจลดลง เคล็ดลับ คือการระมัดระวังและไม่ประมาทกับข้อสอบที่ดูเหมือนง่ายเกินไป สำหรับส่วนของ Unseen ข้อสอบมักไม่เน้นความยาก แต่เน้นการทำให้ผู้สอบ “ช็อก” ก่อน สิ่งสำคัญคือการ หลุดจากความช็อกให้เร็วที่สุด และพยายามแกะวิธีการทำโจทย์ให้ได้
ส่วนวิชาวิทยาศาสตร์ของ MWIT มักมีลักษณะเป็น “บทความยาว ๆ แล้วตอบ” หรือบางข้อก็เน้นการจำที่ “ลึก” กว่าข้อสอบทั่วไป
KVIS: ข้อสอบแนวใหม่ หลีกเลี่ยงการเดา
ข้อสอบคณิตศาสตร์ของ KVIS มีรูปแบบที่แตกต่างออกไป เช่น ให้ตอบในตาราง วาดรูป หรือเขียนคำตอบโดยละเอียด ซึ่ง ยากต่อการเดา มีความซับซ้อน แต่ก็มีช่วงที่ง่ายแทรกอยู่ เคล็ดลับ คืออย่าเพิ่งท้อเมื่อเจอข้อที่ยากมาก ๆ เพราะอาจมีข้อง่ายรออยู่ในส่วนถัดไป
ส่วนวิชาวิทยาศาสตร์ของ KVIS เป็นข้อสอบที่ดีมาก มีทั้งง่ายและยาก มาในรูปแบบ เนื้อเรื่อง ที่เชื่อมโยงกับสถานการณ์จริงหรือเหตุการณ์ปัจจุบัน เช่น การนำข่าวโอลิมปิก เรื่องโด๊ปยา หรือเหรียญรางวัล มาเป็นโจทย์ ซึ่งต้องอาศัยการวิเคราะห์และการนำความรู้ไปประยุกต์ใช้
เตรียมอุดมศึกษา: ข้อสอบคณิตศาสตร์ที่ “แหกแนว” และวิทยาศาสตร์ที่ “ลึก”
ข้อสอบคณิตศาสตร์ของเตรียมอุดมศึกษามักจะมีลักษณะ “แหกแนว” ในแต่ละปี ไม่ได้ยึดติดกับรูปแบบเดิม ๆ มากนัก บางปีอาจเป็นเลขต่ออนุกรม บางปีง่ายกว่าปกติ หรือบางปีเน้นการประยุกต์ใช้มาก เคล็ดลับ คือต้อง ฝึกฝนให้ครบทุกรูปแบบ และเตรียมพร้อมสำหรับความหลากหลายของข้อสอบ
สำหรับวิชา ไทย-สังคม ควรทำสังคมก่อนแล้วตามด้วยไทย โดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที สำหรับวิชา อังกฤษ-วิทยาศาสตร์ ควรทำอังกฤษก่อนเพราะเป็นวิชาที่เห็นปุ๊บตอบได้เลย ใช้เวลาประมาณ 40 นาที
ส่วนวิทยาศาสตร์ของเตรียมอุดมศึกษานั้นค่อนข้างยาก โดยเฉพาะฟิสิกส์ที่อาจออกเรื่องที่ไม่คาดคิด ส่วนเคมีมักตรงกับที่ติวเตอร์สอน ชีวะอาจมีลักษณะคล้ายข้อสอบ MWIT คือเป็นบทความยาว ๆ แล้วตอบ
กุญแจสู่ความสำเร็จ: ความเต็มที่และความต่อเนื่อง
กุญแจสำคัญคือ ความเต็มที่และความต่อเนื่อง
น้องทิกเกอร์ “ผมเตรียม 1 ปี แต่มันเป็น 1 ปีที่ผมเต็มที่กับมันแล้วมันเป็น 1 ปีที่ผมทำทุกวัน”
หัวใจสำคัญของการพิชิตเป้าหมาย บางคนอาจสงสัยว่าเวลา 1 ปีเพียงพอหรือไม่ คำตอบคือ ขึ้นอยู่กับว่าเรา “สู้” มากแค่ไหน การทุ่มเทอย่างเต็มที่ในทุก ๆ วัน การปักธงและมุ่งมั่นไปสู่เป้าหมายอย่างไม่ลดละ คือสิ่งที่พาให้ก้าวข้ามผ่านความยากลำบากและคว้าความสำเร็จมาได้
กำลังใจถึงน้อง ๆ
ขอให้น้อง ๆ ทุกคนตั้งใจและเต็มที่กับการเตรียมตัวสอบ “ขอให้เป็นไปตามที่เราต้องการ อยากได้อะไรก็ขอให้ได้อย่างนั้น” ไม่ว่าข้อสอบจะออกง่ายหรือยาก ขอให้มั่นใจในความพยายามของตัวเอง และจำไว้ว่า “ความเต็มที่และความต่อเนื่อง” คือพลังที่จะนำพาทุกคนไปสู่โรงเรียนในฝันได้อย่างแน่นอน