แกรมม่า

สรุปวิธีใช้”แกรมม่า!! เรียงประโยคภาษาอังกฤษอย่างถูกต้อง แบบง่ายจนต้องแปลกใจใน 5 นาที ในปี 2023

แกรมม่า

สวัสดีน้องๆ จากที่พี่ๆ ได้มีการ เล่าเนื้อหาเกี่ยวกับคำศัพท์วันคริสต์มาส แล้วมีน้องๆ สนใจจำนวนมาก วันนี้พี่ๆ ออนดีมานด์ จะมาเล่าให้ฟังเกี่ยวกับเนื้อหาภาษาอังกฤษ ส่วนที่สำคัญกับการเรียนของน้องๆมากในปัจจุบัน ซึ่งก็คือแกรมม่า (Grammar) นั่นเอง ซึ่งมีผลโดยตรงกับ การเรียงประโยคภาษาอังกฤษ อย่างถูกต้อง นั่นเอง  ซึ่งเนื้อหานี้จะ เป็นเนื้อหาที่ อัปเดตล่าสุด 

ในปัจจุบนี้ปฏิเสทไม่ได้เลยว่าการใช้ ภาษาอังกฤษ ในเรื่อง แกรมม่าหรือ ไวยากรณ์ เป็นเรื่องที่สำคัญมากที่เราได้เรียนกันมาตั้งแต่เด็ก ทั้งเรื่อง การ ฟัง ,พูด ,อ่าน ,เขียน การใช้และเข้าใจหลักการ ไวยากรณ์ อย่างถูกต้อง ถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะ จะช่วยให้ขั้นตอน ในการเรียนของเรานั้นไวขึ้น ง่ายขึ้นและ สนุก ขึ้นด้วย พี่ๆ เลยจะมาสรุปให้ฟัง ให้เข้าใจง่ายภายใน 5 นาที ไปดูกันเลย

หัวข้อสำคัญของไวยากรณ์ พร้อมเอาไปสอบได้เลย 

ส่วนไวยากรณ์นั้นคือตัวที่ทำให้เราเข้าใจ บริบทต่างๆ เวลาและ ปริมาณ ได้แบบถูกต้อง โดยจะเอาไปสร้าง เป็นรูปประโยค หลายรูปแบบที่เราน่าจะเคยได้ยินกันอยู่แล้ว คือ 12 Tense นั่นเอง ซึ่งเราจะสามารถเห็นชัดว่าแต่ละประโยคนั้นเกิดขึ้นเมื่อไหร่บ้าง หรือ ช่วง “เวลา” ที่ประโยคนั้นเกิดขึ้นนั่นแหละ  ซึ่งหลายคนน่าจะเคยเรียนเรื่อง Tense มาตั้งแต่เด็กๆ

ต่อมาพี่ๆอยากจะแนะนำ สามสิ่งที่น้องๆต้องทำความเข้าใจสหรับการใช้ ไวยากรณ์ ภาษาอังกฤษ ได้อย่างดี มาดังนี้ 

1 Verb แท้

2 การใช้ Quantifier

3 การใช้ Pronouns

ด้านหลังการใช้และการทำความใจของ สามอย่างนี้ อ่านต่อได้เลย

การใช้ Verb แท้ (Finite Verb)

เบื้องต้นที่เรานั้นจะต้องรู้ก็คือ คำกริยาของภาษาอังกฤษจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทได้แก่

  • -Finite verb (กริยาแท้)
  • -Non-finite verb (กริยาไม่แท้)

ส่วนแรก

กริยาแท้คือรูปแบบของคำกริยาที่ทำหน้าที่การแสดงการกระทำหรือแสดงอาการต่างๆว่าประธาน (Subject) ในประโยคนั้นกระทำอะไร ยังไงบ้าง โดยปกติในประโยคนั้นเราอาจจะพบการกระทำต่างๆมากมาย แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ถ้าเราสังเกต รูปประโยคพื้นฐานที่เรามักพบเห็นได้บ่อย หรือ มีการใช้อย่างแพร่หลาย เราจะพบว่าจะมีเพียงกริยาตัวเดียวที่ทำหน้าที่เป็นกริยาแท้ของประธานที่แสดงอาการการกระทำต่างๆในประโยคของเรา ซึ่งกริยาแท้นี้เองที่จะสามารถผันรูปได้ตาม เวลา ประธานของประโยค บริบท หรือเสียงต่างๆ ยกตัวอย่างให้เห็นภาพได้ดังนี้

1. ผันตามเวลา (Tense) 

ตัวอย่าง

We have just finished our project. 

เป็นรูปแบบ have + V.3 

I’m (am )not playing football at School 

หรือ อีกประโยคแนะนำคือ  I’m (am) praying at Mosque 

ในประโยคนี้เป็นการผัน Verb ที่เติม ing ตามหลัก Present Continuous tense

2.ผันตามประธาน (Subject) 

ตัวอย่าง

He goes to church by train every Monday.

เป็นการผัน go ด้วยการเติม s/es เป็น goes ตามประธานเอกพจน์นั่นคือคำว่า “He”

They like going to the sea .

เป็นการผันรูป go ด้วยการไม่เติม s/es ตามประธานพหูพจน์นั่นคือ “They”

3. ผันตาม Voice (การบ่งบอกผู้กระทำ)

ตัวอย่าง

James told me about his childhood.

เป็นการผันตาม Active Voice หรือประธานได้กระทำเอง โดยในบริบทนี้คือ James เป็นคนบอกเอง

I was told about this problem many times.

เป็นการผันตาม Passive Voice  หรือประธานถูกกระทำ ในบริบทนี้คือ ฉันถูกบอกหรือมีคนมาบอกฉันเกี่ยวกับปัญหา

 

โดยในถ้าเราทำความเข้าใจและฝึกฝนการใช้รูปประโยค  3 รูปแบบนี้อย่างสม่ำเสมอ จะเป็นวิธีสำคัญที่ทำให้เราสามารถเข้าใจหลักไวยากรณ์ภาษาอังกฤษได้อย่างยอดเยี่ยม และเอาไปใช้ร่วมกับ 12 Tense ด้วย

รวม! เว็บไซต์ช่วยตรวจ Grammar ตัวช่วย ตรวจแกรมม่า ออนไลน์

ทำความเข้าใจการใช้ Quantifier 

หากพูดถึงหลักการใช้ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่เราจะต้องมีความแม่นยำในการเข้าใจหรือศึกษาก็คือ Quantifier หรือคำบอกปริมาณนั่นเอง ซึ่งเราจะขอกล่าวแนะนำง่ายๆก่อนว่า คำบอกปริมาณต่างๆนั้นมีอะไรบ้าง และเชื่อเลยว่าพี่ๆน้องๆหลายๆคนจะต้องคุ้นเคยอย่างแน่นอน เช่น many,much,any, some,a little , a lot of , all , a few ,no 

และด้วยพอเราเห็นคำเหล่านี้และนึกถึงความหมายนั้นจะทำให้เราต้องมาทำความเข้าใจว่า Quantifier แต่ละตัวนั้นใช้อย่างไร มีความสัมพันธ์กับคำนามอย่างไรบ้าง

1. Many คำนี้นั้นมีความหมายโดยตรงว่า “จำนวนมาก” ซึ่งเป็นคำแรกๆที่ถูกใช้บ่อยมากในประโยคสำหรับการบอกปริมาณ สามารถใช้กับคำนามที่นับได้ พหูพจน์ และ สามารถนำมาใช้ได้กับทั้งประโยคบอกเล่า ประโยคปฏิเสธ หรือแม้แต่การเขียนรูปประโยคคำถามขึ้นมา มีตัวอย่างการใช้ Many ในประโยคดังนี้

ประโยคบอกเล่า : Don’t worry. I have many classmates around here!

ประโยคปฏิเสธ : It is so sad that we don’t have many classmates.

ประโยคคำถาม : How many cats do you have in your house?

 2. Much สำหรับคำนี้นั้นก็มีความหมายว่า “จำนวนมาก” เหมือนคำด้านบน แต่มีวิธีใช้ที่ไม่เหมือนกับ Many ในบางส่วน เช่น ใช้กับคำนามที่นับไม่ได้ คำนี้จะถูกนำมาใช้ในประโยคปฏิเสธและประโยคคำถาม เพราะว่าถ้าเรานำ much มาเขียนและสร้างประโยครูปแบบประโยคบอกเล่า แม้โปรโยคนั้นจะถูกหลักไวยากรณ์แต่ก็อาจจะฟังดูไม่เป็นธรรมชาติสักเท่าไหร่

มีตัวอย่างการใช้ประมาณนี้เลย

ประโยคบอกเล่า :She had much fun during our lunch. I can see from how she laughed all day.

ประโยคปฏิเสธ : Sorry, I don’t have much cash for it.

ประโยคคำถาม : How much sugar do you put in our soup?

 3.  Lots of หรือ A lot of ความหมายของคำนี้จริงๆก็ไม่ได้ต่างจาก Many หรือ Much เท่าไหร่เพราะตัวมันก็มีความหมายว่า จำนวนมาก แต่จะใช้กับคำนามนับได้พหูพจน์ และคำนามนับไม่ได้ และใช้กับประโยคคำถาม รวมไปถึง ประโยคปฏิเสธ ถ้าสังเกตดีๆ สองคำนี้นั้นเป็นคำหรือภาษาที่ไม่เป็นทางการแต่ถ้าต้องการความเป็นทางการมากกว่า แนะนำให้ใช้คำว่า a lot of ในประโยคของเราตามหลักไวยากรณ์ ตัวอย่างประโยคที่น่าสนใจมีดังนี้

ประโยคบอกเล่า : There are a lot of flowers in this garden.

ประโยคคำถาม : Are there a lot of cars in this garage?

ประโยคปฏิเสธ : You don’t understand me. I don’t have a lot of choices in my life.

 4. การใช้ Some ซึ่งมีความหมายว่า บ้าง บาง หรือ มีจำนวนหนึ่ง แต่ไม่ได้มีมาก สามารถนำมาใช้กับคำนามนับได้พหูพจน์ รวมถึงคำนามนับไม่ได้ โดยปกติแล้วจะใช้กับประโยคบอกเล่า แต่ถ้าเราใช้กับประโยคคำถามจะเป็นการยื่นข้อเสนอหรือขอร้องอย่างใดอย่างนึงโดยมีตัวอย่างการใช้ประโยคได้ดังนี้

ประโยคบอกเล่า : I ate some salad at home this morning.

การยื่นข้อเสนอ : Would you like some oranges? I think you’re hungry.

ประโยคขอร้อง : Can I have some tea?

 5. การใช้ Any ซึ่งมีความหมายว่า บ้างหรือซักนิด สามารถนำมาใช้กับคำนามนับได้พหูพจน์ และคำนามนับไม่ได้ ในประโยคปฏิเสธและประโยคคำถาม โดยคำว่า Any นี้เองก็มักถูกใช้อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเราจะสามารถสังเกตตัวอย่างการใช้งานได้ดังนี้

ประโยคปฏิเสธ : I want to help you by buying your car, but I don’t have any money.

ประโยคคำถาม : Have you got any apples?

 

ตัวอย่างด้านบนนี้เป็นหลักการใช้ Quantifiers ตามหลักไวยากรณ์เลย ตามหลักไวยากรณ์หรือการเรียนแกรมม่าที่เป็นพื้นฐานมีความสำคัญที่เราจะต้องรู้ ซึ่งจะเป็นการปูพื้นฐานของเราให้สามารถทำความเข้าใจการสื่อสารการสร้างประโยคทั้ง 12 Tense ได้ด้วย ซึ่งการสอบหรือใช้ภาษาอังกฤษจะเป็นเรื่องง่ายเลยๆ และต่อไปเราจะเข้าสู่บทเรียนการใช้ Pronouns 

 

ทำความเข้าใจการใช้ Pronouns

โดยปกติการที่เราจะเขียนประโยคขึ้นมาให้ถูกต้องตาม หลักไวยากรณ์  จะมีอีกส่วนก็คือการทำความเข้าใจในเรื่องของ Pronouns หรือคำสรรพนามนั่นเอง ซึ่ง Pronoun  กนี้เองถูกกำหนดขึ้นมาเพื่อความสะดวกสบายในการใช้ภาษาให้เราไม่ต้องพูดคำนามคำเดิมซ้ำไปมา”  แต่หากเราใช้ Pronouns ผิด เวลาเราจะสร้างประโยคให้เข้าใจบริบท ว่าเป็นใคร ทำอะไร แสดงความเป็นเจ้าของนั้น อาจจะทำได้ไม่ถูกต้อง ดังนั้น เราจึงได้เขียนตารางเปรียบเทียบการใช้ Pronoun ตัวต่างๆเพื่อสามารถนำไปใชได้อย่าถูกต้อง 

โดยสามารถแบ่งเป็นการใข้งานหรือการเปลี่ยนรูปสำหรับตัวเองได้แบบตารางด้านล่าง ซึ่งก็จะทำหน้าที่แตกต่างกันไปตามด้านล่างนี้ 

 

ประธานเป็นกรรมคำคุณศัพท์แสดงความเป็นเจ้าของการบอกถึงการสะท้อนตัวเองหรือกระทำด้วยตัวเอง”
IMemyMyself
YouYouYourYourself/Yourselves
HeHimHisHimself
SheHerHerHerself
ItItItsItself
WeUsOurOurselves
TheyThemTheirThemselves

 

ตัวอย่างเช่น หากเราจะกล่าวถึง Jennifer ซึ่ง เป็นผู้หญิง เราจะสามารถแต่งประโยค โดย ใช้ประธานเป็น Pronoun (She)ได้ดังนี้

 She is doing homework.

 หากจะให้ Jennifer แสดงความเป็นเจ้าของ เราสามารถใช้ Adjective ได้ดังนี้

 She is doing her homework. (คือการใช้ her ที่มีความสัมพันธ์กับ she ในการแสดงความเป็นเจ้าของ)

 หรือการที่เราจะนำเสนอว่าตัว Jennifer นั้นกระทำสิ่งเหล่านั้นด้วยตนเอง สามารถแต่งประโยคได้ว่า

She is doing his homework by herself.

 ซึ่งการใช้ Pronoun เป็น ขั้นตอน การเรียนภาษาอังกฤษ ที่ไม่อยาก เพียงเรา เข้าใจเพศ หรือจำนวน ของ ประธาน เรา ก็จะสามารถนำมาใช้ หรือเรียงได้อย่างถูกต้อง และสามประเด็นที่เราได้เห็นในวันนี้ มีความสำคัญ อย่างมากที่จะเปลี่ยนบทเรียนที่ดูยากจากการใช้ ไวยากรณ์นั้นให้มีความง่ายในการเข้าใจมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้การเรียงประโยคภาษาอังกฤษนั้นเป็นเรื่องง่าย อย่างไรก็ตาม อีกอย่างเลยที่สำคัญมากกับตัวน้องๆ ก็คือการฝึกฝนทำแบบฝึกหัดหลังบทเรียนก็มีความสำคัญไม่แพ้กันเพื่อความเชี่ยวชาญในการทำโจทย์ ซึ่งพี่ๆ ก็ได้มีการรวบรวมบทเรียนภาษาอังกฤษ ที่จะเพิ่ม ทักษะ ให้กับ น้องๆ อย่างมากมาย ไว้ที่นี่เลย 

พี่ๆขอแนะนำ Premier Prep by Ondemand ที่พึ่งสำหรับน้องๆ ที่ต้องการพัฒทักษะภาษาอังกฤษแบบยั่งยืนเลยที่ Premier Prep เรามีคอร์สเรียนภาษาอังกฤษที่จะช่วยให้น้องๆ เรียนภาษาอังกฤษอย่างเป็นระบบ เข้าใจว่าแนวคิดแต่ละอย่างในภาษาอังกฤษมีความเชื่อมโยงเป็นระบบยังไง ซึ่งจะช่วยให้น้องๆ มีพื้นฐานที่แข็งแรงในการสอบติดตามมหาลัยในฝัน เหมือนกับนักเรียนของ Premier Prep กว่า 90% ที่สอบติดตามเป้าหมายค่ะ มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับนักเรียน Premier Prep by Ondemand

Your subscription could not be saved. Please try again.
คุณได้ลงทะเบียนกับทางเราเรียบร้อยแล้ว

ลงทะเบียนรับคำศัพท์ ฟรี!

รับไปเลย! คำศัพท์ จำไว้ไม่ลืม By พี่แนนนิ และโค้ดส่วนลดภาษาอังกฤษ!

อย่าลืมกด LIKE 👍 Facebook Fanpage ของ ออนดีมานด์ OnDemand สถาบันกวดวิชาออนดีมานด์ เพื่อไม่ให้พลาด สาระดีๆ ข่าวสาร และสิทธิพิเศษ นะคร้าบบ

เหลือเวลา

ชั่วโมง
นาที
ชั่วโมง
นาที

ดีลดี ดีลเดียวก่อนหมดวันแห่งความรัก สมัครเลย

วันนี้เท่านั้น! รับ ID Book ฟรีทันที

ที่สาขาออนดีมานด์

พี่ออนดี้ส่งโมเมนต์สุดพิเศษให้น้อง

ต้อนรับวันวาเลนไทน์

เหลือเวลา

ชั่วโมง
นาที

เหลือเวลา

ชั่วโมง
นาที

เหลือเวลา

ชั่วโมง
นาที

พบกับข้อเสนอพิเศษสำหรับลูกค้าเก่า

เหลือเวลา

ชั่วโมง
นาที
ส่วนลดสูงสุด 500 บาท
สิ้นสุดการรอคอย สิทธิพิเศษเฉพาะคุณ TCAS DEK68 เวอร์ชั่นใหม่ มาแล้ว !

นับถอยหลังก่อนสอบเข้าเตรียมอุดม (9 มี.ค. 67)

Days
3 ชม สุดท้ายแล้วสมัครคอร์เลย
ส่วนลดสูงสุด 1,000 บาท
รับฟรี! ชุดแนวข้อสอบ TPAT3
วันสุดท้ายแล้ว
สิ้นสุดการรอคอย สิทธิพิเศษเฉพาะคุณ TCAS DEK68 เวอร์ชั่นใหม่ มาแล้ว !
สิ้นสุดการรอคอย สิทธิพิเศษเฉพาะคุณ TCAS DEK68 เวอร์ชั่นใหม่ มาแล้ว !
สิ้นสุดการรอคอย สิทธิพิเศษเฉพาะคุณ TCAS DEK68 เวอร์ชั่นใหม่ มาแล้ว !
โปรสุดท้าย NETSAT
เพื่อน้องมข. อีก 14 วันก่อนสอบ
โปรสุดท้าย เพื่อน้อง TU
อีก 1 เดือน ก่อนสอบ
ด่วน LIVEติว เลข โค้งสุดท้าย
ก่อนสอบเตรียมอุดมฯ